“นี่เมื่อคืนมึงนอนกี่ทุ่มถึงได้ขี้เซาแบบนี้ !!!”
“กูเป็นแม่มึงนะกูแก่แล้วชาตินี้จะได้กินแกงฝีมือมึงสักถ้วยไหม?”
“กูจะทำแบบนี้ใครจะทำไม? กูเป็นแม่มึงนะ !!! !!!”
ประโยคซ้ำๆ เดิมๆ ของแม่ มีความหมายเปลี่ยนไปจากคำทักทายที่ฉันไม่อยากได้ยิน พยายามห้ามน้ำตาไม่ให้ไหล แต่ก็ไม่เป็นผล
เมื่อมาทบทวนคำพูดซ้ำ ๆ ของแม่ ฉันพบว่าคงไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะแม่มักจะถามและเตือนฉันเรื่องเวลาทำงาน เวลาพักผ่อนอยู่เป็นประจำ ด้วยว่าฉันมักจะทำอะไรผิดเวลาอยู่บ่อย ๆ เช่น เล่นเกมส์ ดูหนัง หรือดูซีรี่ย์ ข้ามวันข้ามคืน ไม่หลับนอน เช้ามาก็ไปทำงานตามปกติ อาจจะเพราะอาการที่ฉันเคยวูบตอนนั่งทำงานอยู่หลายครั้ง แม่ถึงได้ถามซ้ำๆ ถึงได้คอยดูแล คอยเช็คเวลาฉัน ทุก ๆ ช่องทาง ใกล้กันยิ่งกว่าผู้จัดการดาราเสียอีก
แม่ของฉันเคยเป็นอดีตพยาบาลที่ขึ้นชื่อว่ากลัวเลือด และกลัวเข็มฉีดยาเป็นที่สุด
ปีนี้แม่อายุ 78 ปีแล้ว ส่วนพ่อเป็นอดีตครูพละที่เล่นกีฬาเก่ง และใจดีที่สุดในโลก ตั้งแต่พ่อจากครอบครัวฉันไป แม่ชอบพูดประโยคสั้น ๆเดิม ๆ ถ้าเล่าให้สุภาพหน่อยก็คือ “ก็แม่ไม่สบาย” “นี่แม่นะ!!!”
เรื่องที่เกิดขึ้นกับแม่ เป็นเรื่องที่ฉันกับน้องๆ ต้องช่วยกันทำความเข้าใจ เวลามีงานศพญาติๆ หรือคนรู้จัก แม่ก็จะไม่ไปงานศพ แม่เชื่อคำโบราณว่าคนที่เจ็บป่วยห้ามไปงานศพ ก็เชื่อฟังไว้ไม่เสียหาย
แต่ฉันคิดว่าแม่ไม่สบายใจมากกว่า
คืนวันฝนพรำในฤดูร้อน
คืนนั้นพ่อนอนกอดแม่โดยที่ไม่พูดอะไร แล้วพ่อก็ไม่ตื่นมาอีกเลย
จนวันนี้ใกล้ ๆ จะครบสามปีแล้ว
บ้านหลังที่ฉันอยู่ในปัจจุบัน เป็นทาวเฮ้าส์ชั้นเดียวหลังเล็ก ๆ สองห้องนอน สองห้องน้ำ พ่อนอนกับแม่ ส่วนฉันนอนอีกห้องหนึ่ง ฉันเป็นพี่คนโตทำงานเป็นเซลล์ขายเครื่องมือทางการแพทย์ ในละแวกบ้าน น้อง ๆ อีกสี่คนทำงานและมีครอบครัวแยกตัวออกไปอยู่ที่ต่างจังหวัด
พ่อกับแม่ทำกิจกรรมด้วยกันมาตลอดหลังจากพ่อเกษียณอายุราชการ ไปธนาคาร ไปจ่ายตลาด พ่อก็คอยถือตะกร้าตามหลังแม่ หรือแม้แต่ทำกับข้าว พ่อกับแม่ก็อยู่ในครัวด้วยกันตลอดไม่เคยห่างกัน
หลังจากพ่อด่วนจากไป แม่ก็ได้แต่นั่งจับเจ่าอยู่ในทาวน์เฮ้าส์เหลี่ยม ๆ ไม่ออกไปไหนเลย
แม่ฉันมักชอบพูดย้ำๆว่า “ก็กูไม่สบายนี่?!!!”
ทำให้พวกเราห้าคนพี่น้องเริ่มกังวล
อาการป่วยของแม่ก็มีหลายอย่าง เช่น เมื่อยขา ปวดหลัง ปวดกระดูก เจ็บคอ เป็นหวัด วิธีแก้ของแม่คือ ฉันต้องพาแม่ไปวัด ไปซื้อปลาจากตลาดมาปล่อยเกือบทุกๆ เช้า ซึ่งฉันมองว่าถ้าแม่อยากปล่อยปลา และฉันต้องไปหาลูกค้าผิดเวลาบ่อยๆ แบบนี้ไม่ดีแน่
ฉันหาวิธีหลอกล่อให้แม่ไปหาหมอ เพื่อตรวจร่างกายหาสาเหตุให้แน่ชัด กว่าที่ฉันกับน้องๆ จะกล่อมให้แม่ไปหาหมอเพื่อตรวจสุขภาพประจำปีได้ก็ใช้เวลากว่าครึ่งปี แต่ไปหาหมอก็ไม่มีผลอะไร เพราะแม่แอบทิ้งยาที่หมอให้มาทุกครั้ง “กูจะทำแบบนี้ใครจะทำไม? กูแม่เป็นมึงนะ !!!”
เราห้าคนพี่น้องเคยลองคีย์ข้อมูลจากกูเกิ้ล เกี่ยวกับคำว่า “ผู้สูงอายุ”“ภาวะซึมเศร้า” “สูญเสียคู่ชีวิตกระทันหัน”
ฉันพยายามทำความเข้าใจกับคำเหล่านี้ ก็ยังเข้าใจกันไม่ลึกซึ้งนัก ฉันก็ยังไม่มีคำตอบที่แน่ชัดกับเรื่องนี้
พ่อจากไปเกือบสามปีแล้ว
ฉันเป็นพี่คนโต อยู่ใกล้แม่ที่สุด แต่พูดกับแม่ยากที่สุด ฉันเคยขัดใจแม่หลายครั้ง แม่ก็จะหงุดหงิดฉุนเฉียว พูดไม่เพราะ แม่มักโทร.ไปฟ้องน้องชายคนเล็กสุดว่าฉันเถียงแม่ ทั้งที่คุยกันอยู่ดี ๆ น้อง ๆ ก็ได้แต่บอกว่าอย่าขัดใจแม่
ฉันยังหาความเป็นไปได้ หรือทางออกที่ดี ที่เหมาะสมกับเรื่องที่เล่ามาไม่ได้เลย ฉันเข้าใจนะว่า แม่ใช้ชีวิตอยู่กับพ่อมานาน นานมากกว่าอายุของฉัน
พ่อเล่นจากไปดื้อ ๆ ใครจะทำใจได้ง่าย ที่ใครต่อใครพูดว่า คนเราใช้เวลาทำอะไรซักอย่างไม่เท่ากัน
มากหรือน้อยต่างเรื่องราวต่างวาระกันไปนั้นคงจะจริง
หลังเลิกงาน ฉันพาแม่ไปจ่ายตลาด มีคนรู้จักแซวแม่ว่า “ว่าไงครับพี่มีคนช่วยถือตะกร้าให้แล้วใช่ไหม”
พอลับหลังคนรู้จัก แม่ก็ปาดน้ำตาอีกเหมือนเคย
ฉันอยากปลอบแม่ว่าพ่อไปสบายแล้ว
พ่อจากเราไปสามปีแล้ว
ทำไมพูดความจริงบางอย่าง มันช่างยากเย็นเหลือเกิน